สารก่อภูมิแพ้ที่ถูกระบุบนฉลากอาหาร

ในเดือนเมษายนปีนี้ปักกิ่งเริ่มให้ผู้ประกอบการอาหารระบุสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ตามระเบียบฉลากอาหารแห่งชาติ และคุณ Fan Yongxiang ได้กล่าวว่ามาตรฐานใหม่นี้จะบังคับใช้ทั่วประเทศและเป็นครั้งแรกที่ประเทศจีนได้รวมสารก่อภูมิแพ้ในกฎระเบียบว่าด้วยความปลอดภัยอาหารของสถาบันทางด้านโภชนาการและความปลอดภัยอาหารแห่งชาติอย่างเป็นทางการภายใต้ศูนย์กลางการควบคุมและป้องกันโรคของจีน ตามที่คุณ Jianqin ซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายโภชนาการของโรงพยาบาล Shanghai-based Huadong ร่วมกับมหาวิทยาลัย Fudan ได้รายงานว่าผู้ใหญ่ประมาณร้อยละ 1-2 ทารกและเด็กเล็กประมาณร้อยละ 5 ได้รับความทุกข์ทรมานจากการแพ้อาหาร ซึ่งประเทศจีนไม่มีสถิติของโรคภูมิแพ้อาหารที่อันตรายถึงชีวิต มีแต่สถิติที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศเอาไว้ว่าพบผู้เข้ารับการรักษาในแผนกฉุกเฉินประมาณ 30,000 คน และมีผู้เสียชีวิตจากการแพ้อาหาร 150 คนในแต่ละปี
การแพ้อาหารเป็นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่มีต่อโปรตีนในอาหาร โดยปกติผู้ป่วยจะแสดงอาการเฉียบพลันร่วมกับการอาเจียน ท้องเสีย และโรคหอบหืด ในบางรายที่มีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิต ศาสตราจารย์เฉิน Yuzhi จากคลินิกและศูนย์การศึกษาโรคหอบหืดภายใต้กองทุนสถาบันกุมารเวชศาสตร์ได้กล่าวว่าบางรายแพ้อาหารบางอย่างในวัยเด็กและเมื่ออายุมากขึ้นก็มีอาการดีขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับช่วงอายุของแต่ละคน ดังนั้นทางที่ดีจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ เพราะปัจจุบันไม่มีวิธีการรักษาสำหรับผู้ที่แพ้อาหาร กลุ่มอาหารหลัก 8 ชนิดที่ก่อให้เกิดการแพ้ซึ่งต้องควบคุมคือธัญพืชจากข้าวสาลี หอย ปลา ไข่ ถั่วลิสง ถั่วเหลือง นม และถั่วเปลือกแข็ง
คุณ Dong Jinshi ซึ่งเป็นรองประธานบริหารของสมาคมอาหารบรรจุภัณฑ์ระหว่างประเทศกล่าวว่าผลิตภัณฑ์อาหารต่างชนิดกันอาจใช้สายการผลิตเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าอาจมีส่วนผสมปริมาณเพียงเล็กน้อยจากผลิตภัณฑ์หนึ่งปนเปื้อนเข้าไปในผลิตภัณฑ์อื่นได้ แม้ว่าจะมีการล้างสายการผลิตแล้ว และอาจเกิดจากการเก็บวัตถุดิบสองชนิด เช่น ไก่และปลาไว้ในตู้แช่เดียวกัน โดยคุณ Shen Wei ซึ่งเป็นบิดาของเด็กอายุ 7 ปีที่แพ้ปลากล่าวว่ากฎระเบียบนี้จะช่วยป้องกันเด็กและผู้บริโภคอื่นที่แพ้อาหารได้ ซึ่งลูกชายก็มีรอยที่ผิวเป็นก้อนและปวดศีรษะทุกครั้งที่บริโภคปลา นอกจากนี้ผู้พักอาศัยในเซี่ยงไฮ้ที่มีอายุ 35 ปีกล่าวว่าการออกกฎระเบียบนี้เป็นขั้นตอนของการเดินหน้าเพื่อการป้องกันสุขภาพของผู้บริโภคให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยผู้ประกอบการอาหารต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามผู้บริโภคชาวจีนและตลาดผู้ผลิตปัจจุบันไม่คุ้นเคยกับฉลากของอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ดังเช่นเมื่อเดือนสิงหาคมผลิตภัณฑ์น้ำซุปเนื้อ Knorr Stock Pot จากบริษัท Unilever ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ได้ถูกเก็บออกจากชั้นวางในเมืองกุ้ยหยางและฉางชา เนื่องจากข้อมูลในฉลากระบุว่าผลิตภัณฑ์นี้อาจมีส่วนผสมของข้าวสาลี ถั่วเหลือง ไข่ นมและผลิตภัณฑ์จากปลา ซึ่งอาจทำให้สับสนและไม่มีความชัดเจน และคุณ Dong กล่าวว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนควรรู้เกี่ยวกับฉลากบนบรรจุภัณฑ์อาหารและควรมีข้อความที่ผู้บริโภคเข้าใจได้ง่าย โดยบริษัทผลิตอาหารควรเขียนเตือนใหม่ เพื่อให้ผู้แพ้ปลาระวังการบริโภคกับผลิตภัณฑ์นี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.chinadaily.com.cn/china/2011-12/21/content_14298531.htm
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเวบไซต์ www.ifrpd-foodallergy.com
หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ทางโทรศัพท์ 02-9428629-35 ต่อ 825